วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558

การอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล

การอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล


พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ

พูดถึงเรื่องการแผ่บุญ และการอุทิศบุญกุศลไว้ว่า

    วันนี้จะขอฝากญาติโยมไว้ การอุทิศส่วนกุศล และการแผ่ส่วนกุศลไม่เหมือนกัน   การแผ่ คือ
การแพร่ขยาย เป็นการเคลียร์พื้นที่ แผ่ส่วนบุญออกไป เรียกว่า สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่
เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เรียกว่าการแผ่แพร่ขยาย แต่การอุทิศ เป็นการให้โดยเจาะจง ถ้าเราจะให้ตัวเองไม่ต้องบอก ไม่ต้องบอกว่า ขอให้ข้าพเจ้ารวย ขอให้ข้าพเจ้าดี ขอให้ข้าพเจ้าหมดหนี้ ทำบุญก็รวยเอง เราเป็นคนทำ เราก็เป็นคนได้
และการให้บิดามารดานั้นก็ไม่ต้องออกชื่อแต่ประการใด ลูกทำดี มีปัญญา ได้ถึงพ่อแม่ เพราะใกล้ตัวเรา พ่อแม่อยู่ในตัวเรา เราสร้างความดีมากเท่าไรจะถึงพ่อแม่มากเท่านั้น เรามีลูก ลูกเราดี ลูกมีปัญญา พ่อแม่ก็ชื่นใจโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องไปบอก

บทกรวดน้ำ (อุทิศส่วนกุศล)


อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร

ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดา บิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดา บิดาของข้าพเจ้ามีความสุข

อิทัง เม ญาตินัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข

อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข

อิทัง สัพพะ เทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข

อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
- ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายปวง จงมีความสุข

อิทัง สัพพะ เวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข

อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพสัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ





บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร

    ข้าพเจ้า ขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้

ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้

ตั้งแต่อดีตชาติถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตามขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้

แล้วโปรดอโหสิกรรมและอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้า ด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ









อโหสิกรรม

อโหสิกรรม👻


  แปลว่า กรรมที่ได้มีแล้ว กรรมที่ให้ผลเสร็จแล้ว หมายถึง กรรมที่เลิกให้ผล หรือเลิกแล้วต่อกันไปไม่ให้มีผลไปถึงภพชาติต่อๆไป โดยทั่วไปมักเรียกกันสั้นๆ ว่า อโหสิ

   การให้อโหสิกรรม ก็คือการให้อภัยความผิดพลาดพลั้งที่ผู้อื่นกระทำต่อตนนั้นเอง ดั้งนั้น ผลของการให้อภัยนี้ย่อมเกิดแก่ผู้ให้นทันที แม้ผู้ที่ตนให้อโหสิกรรมจะไม่รู้ตัวก็ตาม ผลที่ว่านี้คือ การดับทุกข์ในใจเพราะไฟโทสะ ความโกรธ พยาบาทอาฆาตจองเวรของตัวผู้ให้ได้อย่างมอดมิด  เกิดเป็นความสงบเย็นในใจ เพราะไม่คิดจองเวรจองกรรมต่อกันอีกต่อไป

     ในเรื่องนี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ได้แนะนำไว้ว่า

“ การอโหสิกรรม หมายความว่า เราไม่โกรธ ไม่เกลียด เรามีเวร มีกรรมต่อกัน ก็ให้อภัยกัน อโหสิกันเสีย อย่างที่ท่านมาอโหสิกรรม ณ บัดนี้ ให้อภัยซึ่งกันและกัน พอให้อภัยได้ ท่านก็แผ่เมตตาได้ ถ้าท่านมีอารมณ์ค้างอยู่ในใจ เสียสัจจะ ผูกใจโกรธ อิจฉาริษยา  อาสวะไม่สิ้นไหนเลยล่ะท่านจะแผ่เมตตาออกได้ เราจึงไม่พ้นเวรพ้นกรรมในข้อนี้การอโหสิกรรมไม่ใช่ทำง่าย”

บทอธิษฐานขออโหสิกรรม


กายะกัมมัง  วะจีกัมมัง  มะโนกัมมัง  สัญจิจจะกัมมัง
อะสัญจิจจะกัมมัง  ขะมันตุเม   อะโหสิกัมมัง  ภะวะตุ  เม


     กรรมใดๆ ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม  ที่ข้าพเจ้าได้ทำล่วงเกินแก่ผู้ใด ทั้งโดยตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี ในภพชาติใดก็ตามขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย  จงโปรดยกโทษ ให้เป็นอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า  อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อกันอีกเลย

      แม้แต่กรรมใดที่ใครๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม  ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน ขอจงดลใจให้เขาเหล่านั้นกลับมีเมตตาจิต คิดเป็นมิตรกับข้าพเจ้า เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกันตลอดไป

      ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้  ขอให้ข้าพเจ้า พร้อมทั้งครอบครัวตลอดจนวงศาคนาญาติ ผู้มีอุปการะคุณของข้าพเจ้า พ้นจากความทุกข์ยาก ลำบากเข็ญใจ ความทุกข์อย่าได้ใกล้ ความเจ็บไข้อย่าได้มี ขอให้มีความสุขสวัสดีมีชัย เสนียดจัญไร และอุปัทวันตรายทั้งหลาย จงเสื่อมสิ้นหายไป นึกคิดปรารถนาสิ่งใดที่เป็นไปโดยชอบประกอบด้วยธรรมแล้วขอให้สิ่งนั้น จงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จเทอญ  นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ

บทแผ่เมตตาให้ตนเองและสรรพสัตว์

การแผ่เมตตา


เมตตา  หมายถึง  ความรักปรารถนาดีต้องการให้มีความสุขยิ่งๆขึ้นไป


 พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ท่านพูดถึงเรื่องการแผ่เมตตาไว้ดังนี้


      “การแผ่เมตตา เป็นการฝึกจิตให้เป็นสมาธิ เรียกว่า เจริญเมตตาภาวนา  ในการทำสมาธิภาวนา ครูบาอาจารย์จะนำแผ่เมตตาก่อนจึงทำสมาธิต่อไป


      สำหรับผู้ที่เราแผ่เมตตาไปให้นั้น ถ้าเป็นศัตรูก็จะกลับเป็นมิตร ถ้ามีเวร มีกรรม จะหมดเวรหมดกรรม ถ้าเป็นผู้ถูกเบียดเบียน จะพ้นจากการถูกเบียดเบียน ถ้ามีทุกข์จะหายจากความทุกข์”


การแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์  หมายถึง การแผ่เมตตาจิตของตนไปยังผู้อื่นสัตว์อื่น แม้จะเป็นผู้ที่ตนไม่ชอบ  หรือเป็นศัตรูกันก็ตาม เพราะหากสามารถแผ่เมตตาไปให้แก่ผู้ที่ไม่ชอบกันได้นั้นแสดงว่าได้ยก ระดับจิตให้พ้นจากอำนาจความโกรธ หรือความอิจฉาตาร้อนเขาได้แล้ว


พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ท่านพูดถึงเรื่องการแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ไว้ดังนี้


      “เมตตาจิต เมื่อคิดแผ่กว้างออกไปเพียงใด มิตรและไมตรีก็มีความกว้างออกไปเพียงนั้น เมตตาไมตรีจิตมิใช่อำนวยความสุขให้เฉพาะบุคคล  ย่อมให้ความสุขแก่ชนส่วนรวมตั้งแต่สองคนขึ้นไป คือ หมู่ชนที่มีไมตรีจิตต่อกัน ย่อมหมดความระแวง  ไม่ต้องจ่ายทรัพย์ จ่ายสุข ในการระวังหรือเตรียมรุกรับ มีโอกาสประกอบการงาน อันเป็นประโยชน์แก่ตนเองและหมู่ชนเต็มที่ มีความเจริญรุ่งเรืองและสงบสุขโดยส่วนเดียว”


คาถาแผ่เมตตาให้แก่ตนเอง


อะหัง สุขิโต โหมิ     ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข


อะหัง นิททุกโข โหมิ     ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์


อะหัง อะเวโร โหมิ      ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร


อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ      ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง


สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ     ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พ้นจากความทุกข์                                                ภัยทั้งปวงเถิด.


แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์


สัพเพสัตตา        สัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น


อะเวรา โหนตุ         จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย


อัพยาปัชฌา โหนตุ     จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย


อะนีฆา โหนตุ     จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย


สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ     จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ