การแผ่เมตตา
เมตตา หมายถึง ความรักปรารถนาดีต้องการให้มีความสุขยิ่งๆขึ้นไป
พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ท่านพูดถึงเรื่องการแผ่เมตตาไว้ดังนี้
“การแผ่เมตตา เป็นการฝึกจิตให้เป็นสมาธิ เรียกว่า เจริญเมตตาภาวนา ในการทำสมาธิภาวนา ครูบาอาจารย์จะนำแผ่เมตตาก่อนจึงทำสมาธิต่อไป
สำหรับผู้ที่เราแผ่เมตตาไปให้นั้น ถ้าเป็นศัตรูก็จะกลับเป็นมิตร ถ้ามีเวร มีกรรม จะหมดเวรหมดกรรม ถ้าเป็นผู้ถูกเบียดเบียน จะพ้นจากการถูกเบียดเบียน ถ้ามีทุกข์จะหายจากความทุกข์”
การแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ หมายถึง การแผ่เมตตาจิตของตนไปยังผู้อื่นสัตว์อื่น แม้จะเป็นผู้ที่ตนไม่ชอบ หรือเป็นศัตรูกันก็ตาม เพราะหากสามารถแผ่เมตตาไปให้แก่ผู้ที่ไม่ชอบกันได้นั้นแสดงว่าได้ยก ระดับจิตให้พ้นจากอำนาจความโกรธ หรือความอิจฉาตาร้อนเขาได้แล้ว
พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ท่านพูดถึงเรื่องการแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ไว้ดังนี้
“เมตตาจิต เมื่อคิดแผ่กว้างออกไปเพียงใด มิตรและไมตรีก็มีความกว้างออกไปเพียงนั้น เมตตาไมตรีจิตมิใช่อำนวยความสุขให้เฉพาะบุคคล ย่อมให้ความสุขแก่ชนส่วนรวมตั้งแต่สองคนขึ้นไป คือ หมู่ชนที่มีไมตรีจิตต่อกัน ย่อมหมดความระแวง ไม่ต้องจ่ายทรัพย์ จ่ายสุข ในการระวังหรือเตรียมรุกรับ มีโอกาสประกอบการงาน อันเป็นประโยชน์แก่ตนเองและหมู่ชนเต็มที่ มีความเจริญรุ่งเรืองและสงบสุขโดยส่วนเดียว”

คาถาแผ่เมตตาให้แก่ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
อะหัง นิททุกโข โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
อะหัง อะเวโร โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พ้นจากความทุกข์ ภัยทั้งปวงเถิด.
แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เสนอความคิดเห็น gpsphotoone ตรงนี้ครับ